บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 12
บันทึกการเรียนรู้ครั้งที่ 12
วันศุกร์ที่ 24 มีนาคม พ.ศ. 2560 เวลา 08:30 - 12:30 น.
ประกาศคะแนนสอบ
ความรู้ที่ได้รับ
การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ
- การส่งเสริมพัฒนาการและการปรับพฤติกรรมเด็กปฐมวัยที่มีความต้องการพิเศษ : เพื่อให้เด็กสามารถช่วยเหลือตนเองได้ในชีวิตประจำวัน ใช้ชีวิตอยู่ในสังคมได้ใกล้เคียงกับคนปกติมากที่สุด เน้นการดูแลแบบองค์รวม (Holistic Approach)
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางการศึกษา : เพิ่มทักษะพื้อฐานด้านสังคม การสื่อสาร และทักษะทางความคิด เกิดผลดีในระยะยาว เน้นการเตียมพร้อมเพื่อให้เด็กสามารถใช้ชีวิตประจำวันจริงๆแทนการฝึกแต่เพียงทักษะทางวิชาการ แผนการจัดการศึกษาเฉพาะบุคคล หรือภาษาอังกฤษคือ Individualized Education Program ตัวย่อคือ IEP
- การฟื้นฟูสมรรถภาพทางสังคม : การฝึกฝนทักษะในชีวิตประจำวัน การสอนทักษะทางสังคม การสอนเรื่องราวทางสังคม
- การบำบัดทางเลือก การสื่อความหมายทดแทน ศิลปกรรมบำบัด ดนตรีบำบัด การฝังเข็ม การบำบัดด้วยสัตว์
- การสื่อความหมายทดแทน ภาษาอังกฤษคือ Augmentative and Alternative Communication ตัวย่อคือ AAC การรับรู้ผ่านการมอง โปรแกรมแลกเปลี่ยนภาพเพื่อการสื่อสาร เครื่อโอภา โปรแกรมปราศรัย
- บทบาทของครู : ตำแหน่งการนั่งของเด็กไม่ควรให้นั่งติดหน้าต่างหรือประตู ให้เด็กนั่งแถวหน้าสุดใกล้โต๊ะครู จัดให้เด็กนั่งติดกับนักเรียนที่ไม่ค่อยเล่น ไม่ค่อยคุยในระหว่างเรียน ให้เด็กมีกิจกรรม เปลี่ยนอิริยาบถบ้าง
- การส่งเสริมทักษะต่างๆของเด็กพิเศษ
- ทักษะทางสังคม เด็ฏพิเศษที่ขาดทักษะทางสังคม ไม่ได้มีสาเหตุมาจากการพ่อแม่ การอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ดีไม่ได้เป็นเครื่องรับประกันว่าเด็กจะมีพัฒนาการต่างๆอย่างมีความสุข กิจกรรมการเล่น การเล่นเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งต่อดารเรียนรู้ทักษะทางสังคม เด็กสนใจกันเองโดยอาศัยการเล่นเป็นสื่อ ในช่วงแรกๆเด็กจะไม่มองเด็กคนอื่นเป็นเพื่อน แต่เป็นอะไรบางอย่างที่น่าสำรวจ สัมผัส ผลัก ดึง ยุทธศาสตร์การสอน เด็กพิเศษหาลยๆคนไม่รู้วิธีเล่น ไม่รู้ว่าจะเล่นอย่างไร ครูเริ่มต้นจาการสังเกตเด็กแต่ละคนอย่างเป็นระบบจะบอกได้ว่าเด็กมีทักษะการเล่นแบบใดบ้าง ครูจดบันทึก ทำแผน IEP การกระตุ้นการเลียนแบบและการเอาอย่าง วางแผนกิจกรรมการเล่นไว้หลายๆอย่างคำนึงถึงเด็กทุกๆคน ให้เด็กเล่นเป็นกลุ่มเล็กๆ 2-4 คน เด็กปกติทำหน้าที่เหมือน ครู ให้เด็กพิเศษ ครูปฏิบัติอย่างไรขณะเด็กเล่น อยู่ใกล้ไ และเฝ้ามองอย่างสนใจ ยิ้มและพยักหน้าให้ ถ้าเด็กหันมากาครู ไม่ชมเชยหรือสนใจเด็กมากจนเกินไป เอาวัสดุอุปกรณ์มาเพิ่มเพื่อยืดเวลาการเล่นให้ความคิดเห็นที่เป็นแรงเสริม การให้แรงเสริมทางสังคมในบริบทที่เด็กเล่น ครูพูดชักชวนให้เด็กร่วมเล่นกับเพื่อน ทำโดยการพูดนำของครู ช่วยเด็กทุกคนให้รู้กฎเกณฑ์ ไม่ง่ายสำหรับเด็กพิเศษ การให้โอกาสเด็ก เด็กพิเศษต้องเรียนรู้สิทธิต่างๆเหมือนเพื่อนในห้อง ครูต้องไม่ใช้ความบกพร่องของเด็กพิเศษเป็นเครื่องต่อรอง
- ทักษะทางภาษา การวัดความสามารถทางภาษา เข้าใจสิ่งที่ผู้อื่นพูดไหม ตอบสนองเมื่อมีคนพูดด้วยไหมถามหาสิ่งต่างๆไหม บอกเล่าเหตุการณ์ต่างๆที่เกิดขึ้นไหม ใช้คำศัพท์ของตัวเองกับเด็กคนอื่นไหม การออกเสียงผิด / พูดไม่ชัด การพูดตกหล่น การใช้เสียงหนึ่งแทนอีกเสียง ติดอ่าง การปฏิบัติของครูและผู้ใหญ่ ไม่สนใจการพูดซ้ำหรือการออกเสียงไม่ชัด ห้ามบอกเด็กว่า พูดช้าๆ ตามสบาย คิดก่อนพูด อย่างขัดจังหวะขณะเด็กพูด อย่างเปลี่ยนการใช้มือข้างที่ถนัดของเด็ก ไม่เปรียบการพูดของเด็กกับเด็กคนอื่น เด็กที่พูดไม่ชัดอาจเกี่ยวข้องกับการไดยิน ทักษะพื้นฐานทางภาษา ทักษะการรับรู้ภาษา การแสดงออกทางภาษา การส่อความหมายโดยไม่ใช้คำพูด ความรับผิดชอบของครูปฐมวัย การับรู้ภาษามาก่อนการแสดงออกทางภาษา ภาษที่ไม่ใช่คำพูดมาก่อนภาษาพูด ให้เวลาเด็กได้พูด คอยให้เด็กตอบ (ชี้แนะหากจำเป็น) เป็นผู้ฟังที่ดีและโต้ตอบอย่างฉับไว (ครูไม่ควรพูดมากจนเกิดไป)เด็กไม่ได้เรียนรู้ภาษาจากการฟังเพียงอย่างเดียว ให้เด็กจับกลุ่มเด็กพิเศษได้มีแบบอย่างจากเพื่อนๆ กระตุ้นให้เด็กบอกความต้องการของตนเอง (ครูไม่คาดการณ์ล่วงหน้า เน้นวิธีการสื่อความหมายมากกว่าการพูด ใช้คำถามปลายเปิด เด็กพิเศษรับรู้มากเท่าไหร่ยิ่งพูดได้มากเท่านั้น ร่วมกิจกรรมกับเด็ก และ สอนตามเหตุการณ์
- ทักษะการช่วยเหลือตนเอง เรียนรู้การดำรงชีวิตการทำกิจวัตณต่างๆในชีวิตประจำวัน การสร้างความอิสระ เด็กอยากช่วยเหลือตนเอง อยากทำงานตามความสามารถ เด็กเลียนแบบจากผู้อื่น ความสำเร็จเป็นสิ่งสำคัญ การได้ทำด้วยตนเอง เชื่อมั่นในตนเอง เรียนรู้ความรู้สึกที่ดี หัดให้เด็กทำเอง ไม่ช่วยเหลือเกินความจำเป็น จะช่วยเมื่อไหร่ เมื่อเด็กหงุดหงิด หลายครั้งเด็ขอความช่วยเหลือ ช่วยในกิจกรรม




- ลำดับขั้นในการช่วยเหลือตนเอง แบ่งทักษะการช่วยเหลือตนเองออกเป็นขั้นย่อย เรียงลำดับตามขั้นตอน



4. ทักษะพื้นฐานทางการเรียน เป้าหมาย การช่วยให้เด็กแต่ละคนเรียนรู้ได้ มีความรู้สึกดีตนเอง เด็กรู้สกว่าฉันทำได้ พัฒนาความกระตือรือร้น อยากรู้อยากเห็น แยากสำรวจอยากทดลอง ช่วงความสนใจ ต้องมีก่อนการเรียนรู้อื่นๆ จดต่อกิจกรรมในช่วงเวลาหนึ่งได้นานพอสมควร การเลียนแบบ การทำตามคำสั่ง คำแนะนำ เด็กได้ยินสิ่งที่ครูพูดชัดหรือไม่ เด็กเข้าใจคำศัพท์ที่ครูใช้หรือไม่ คำสั่งยุ่งยากซับซ้อนไปหรือไม่ ความจำ จากการสนทนาการ เมื่อเช้าหนูทานอะไร แกงจืดที่เรากินใส่อะไรบ้าง จำตัวละครในนิทานจำชื่อครูเพื่อน เล่นเกมทายของที่หายไป การวางแผนการเตรียมพื้นฐานทางวิชาการ จดกลุ่มเด็กเริ่มต้นเรียนรู้โยใช้ช่วงเวลาสั้นๆ ให้งานเด็กแต่ละคนอย่างชัดเจนจ้องทำที่ไหน ติดชื่อเด็กตามที่นั่ง ใช้อุปกรณ์ที่เด็กคุ้นเคย บันทึกว่าเด็กชอบอะไรที่สุดรุ้ว่าเมื่อไหร่จะเปลี่ยนงาน มีอุปกรณ์ไว้สับเปลี่ยนใกล้มือเตรียมทุกอย่างให้พร้อมก่อนเด็กมาถึง พูดทางที่ดี จัดกิจกรรมให้เด็กได้เคลื่อนไหว ทำบทเียนให้สนุก



....................................................................................






กิจกรรมวาดมือของฉัน จากนั้นให้ตามหามือว่าเป็นมือของใคร
.........................................................................
การประยุกต์ใช้
รู้จักกิจกรรมและวิธีการสอนหรือพัฒนาเด็กพิเศษ วิธีการช่วยเหลือ การเลืกอุปกรณ์ที่ใช้กับเด็ก นำไปใช้ในอนาคตได้หรือไม่ก็ เมื่อมีคนมาขอคำปรึกษาก็สามารถให้ในขั้นเบื้องต้นได้
การประเมิน
ประเมินตนเอง >> ตั้งใจเรียนและทำกิจกรรมในห้องเรียน
ประเมินเพื่อน >> เพื่อนๆตั้งใจเรียนและทำกิจกรรม
ประเมินอาจารย์ >> อาจารย์เตรียมการเรียนการสอนมาเป็นอย่างดีรวมถึงกิจกรรม มีการเฉลยคำถามข้อสอบที่นักศึกษาตอบไม่ได้มีการเช็กคำตอบทำให้ได้ความรู้เพิ่ม
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น